พิธีโมทนาคุณปิดปีการศึกษา 2558

           โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา จัดพิธีโมทนาคุณปิดปีการศึกษา 2558 เพื่อขอบคุณพระเจ้าและแม่พระที่ช่วยบันดาลประทานพร และคุ้มครอง ปกป้อง คณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง ให้ปฏิบัติภารกิจการเรียนการสอน และ กิจกรรมต่างๆ ให้ผ่านไปได้ด้วยดีตลอดปีการศึกษาที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้มีตัวแทนครูไทยและครูต่างชาติ ได้มาพูดให้ข้อคิดแก่นักเรียนในการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จในภายภาคหน้า พร้อมทั้งกล่าวแสดงความยินดีแก่นักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาของโรงเรียน และแนะนำให้เพื่อนนักเรียนได้รู้จักและแสดงความยินดีด้วย นอกจากนี้นักเรียนยังได้ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณต่อต้านการรังแกกัน และร่วมร้องเพลง We are Ektra

           สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ทางโรงเรียนได้แบ่งจัดเป็น 3 แผนก ดังนี้
                - แผนกมัธยม จัดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ ห้องสัมมนา
                - แผนกอนุบาล จัดวันที่ 1 มีนาคม 2559 ที่ สนามด้านหน้าอาคาร 1
                - แผนกประถม จัดวันที่ 2 มีนาคม 2559 ที่ ห้อง Auditorium อาคาร 6 ชั้น 4
               


โอวาทจาก ท่าน ผอ.พิสุทธิ์ ยงค์กมล
เนื่องในพิธีโมทนาคุณปิดปีการศึกษา 2558

           สวัสดีครูและนักเรียนทุกคน ขอบคุณที่ร่วมกันจัดกิจกรรมหลายๆ งานที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีแรกที่นำรุ่นน้องมาร่วมกิจกรรมนี้ เพื่อส่งรุ่นพี่ที่กำลังจะเรียนจบ รุ่นพี่บางคนรู้สึกตัวเองเป็นอิสระ ได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากภาระ และความเกลียดชัง อย่างบางคนเกลียดครูจนเกิดความคับแค้นใจ บางคนคิดแม้กระทั่งจะ แก้แค้นครู ซึ่งความคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ แต่อยากจะให้นักเรียนได้ฟังเรื่องราวที่ Director จะกล่าวต่อไปนี้

           วันนี้ Director จะขอมาเล่านิทานให้ฟัง คือนิทานเรื่อง ซิป นอกจากมีซิปที่อยู่ในเสื้อผ้าแล้ว ยังมีของอย่างอื่นที่อยู่ในเสื้อผ้าด้วย ลองทายดูว่า สิ่งนั้นคืออะไร มีนักเรียนตอบว่าตราโรงเรียน ถือว่าเก่งมาก ในตราโรงเรียนมีสัญลักษณ์อยู่ 5 อย่าง สัญลักษณ์นี่สำคัญ เวลาคนข้างนอกเขาเห็นเสื้อสีเขียวอ่อน มีโลโก้ของโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา กางเกงหรือกระโปรงลายสก็อตเขามองอย่างให้เกียรติและเชิดชู มาตั้งแต่รุ่นที่หนึ่งจนถึงเกือบจะรุ่นที่ยี่สิบ แต่สิ่งที่ Directorจะบอกคือ จงภูมิใจในความเป็นเอกตรา เหมือนกับที่ลูกๆเอกตราอีก 4 ตัวน้อยๆ ที่ร้องเพลง We are Ektra เมื่อสักครู่ที่บอกว่าเพลงประจำโรงเรียน เป็นเพลงชาติของโรงเรียน อยากให้ร้องเพลงนี้ด้วยความสุข ความภาคภูมิใจ อยากให้ร้องเพลงแบบนี้ตลอดไป ไม่ว่าวันใดนักเรียนจะอยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่ก็ตาม และนิทานเรื่อง “ซิป” ที่ Director ได้กล่าวถึงเมื่อตอนต้น เรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพาในช่วงเดียวกันที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปก็มีสงครามที่เกิดขึ้นจากผู้นำชาวเยอรมันคนหนึ่ง เขาก่อให้เกิดสงครามในยุโรปและ แพร่กระจายไปทั้งยุโรป ส่วนในโซนเอเชียที่เรียกมหาสงคราม เป็นสงครามที่ทำให้โซนเอเชียทั้งจีน เกาหลี เวียดนาม ชาวเกาะต่างๆในกลุ่มอินโดนีเซีย กลุ่มทะเลจีนใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ไทย ออสเตรเลีย ได้รับผลกระทบ โดยในช่วงสงครามมีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนๆของเขา คิดว่าตนเองจะไปสร้างเครื่องบิน บางคนคิดว่าจะไปสร้างเสาวิทยุทั่วโลก บางคนคิดว่าเขาจะสร้างเรือรบ และบางคนก็คิดที่จะสร้างเคมีที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อเขา ต่างคนก็คิดกันไปต่างๆนานา และมีคนได้ไปถามชาวญี่ปุ่นคนนี้ว่า คุณอยากทำอะไร ชาวญี่ปุ่นคนนี้ตอบว่า ผมอยากทำซิปครับ ซึ่งความคิดเขาไม่ได้ใหญ่เกินตัว ที่เขาคิดอย่างนี้เพราะว่าเวลาทหารจะไปออกรบ เวลาถุงสัมภาระจากเครื่องบินตกลงมา เวลาที่กระโดดร่มชูชีพ หรือเวลาที่จะต้องห่อศพของทหารกลับมาตุภูมิ เวลาใช้ถุงเสบียงล้วนแล้วแต่ใช้ซิปทั้งสิ้น ชายชาวญี่ปุ่นคนนี้จึงมีความคิดฝังใจ คิดถึงซิปตลอด จนในที่สุดหลังจากสงครามผ่านพ้นไปแล้ว เพื่อนของเขาที่คิดทำยา เครื่องบิน หรือเคมีต่างๆ ไม่มีใครได้ทำ ทุกคนล้มเลิกความตั้งใจหมด แต่มีอยู่คนเดียวคือผู้ชายคนนี้ที่ทำซิปและยังคงทำซิปต่อไป และกว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จก็ใช้เวลานานพอสมควร เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรค แม้ว่าจะต้องล้มเหลว ล้มลุกคลุกคลานก็ตาม และตอนนี้เขามีบริษัทซิปที่กระเป๋า กางเกง รองเท้าแบรนด์เนมชื่อดังใช้ ซึ่งก็คือซิปยี่ห้อ YKK และมีสิ่งที่ Director อยากจะพูด บางทีคนเราคิดใหญ่เกินไป แล้วไม่ยืนหยัดมันก็ไม่สมหวัง แต่หากคิดอะไรที่ใกล้ตัวมากๆ คิดอะไรที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงและพอเพียง เช่น ครูสอนนักเรียน ให้มีความมั่นใจในตนเอง แต่ถ้านักเรียนมีความมั่นใจในตนเองมากเกินไป จะก่อให้เกิดความจองหอง การดูถูก การ Bully และถ้านักเรียนมีความมั่นใจว่าฉันเก่งแล้ว บางทีหากมีนักเรียนคนอื่นที่ไม่เก่งมายืนอยู่ข้างๆ นักเรียนอาจแสดงอาการ Hate Speech โดยการพูดจาไม่ดีกับเขา และ Bully เขาด้วยวาจา ซึ่งบางทีความมั่นใจในตนเองเกินไปอาจกลายเป็นความก้าวร้าว การที่ Director ยกตัวอย่างเรื่องซิปให้ฟัง นักเรียนหลายคนนั่งเรียบร้อยตั้งใจฟัง หากเรื่องเล็กๆ ซิปๆ นักเรียนยังทำไม่ได้ แล้วเรื่องใหญ่ๆที่นักเรียนคิดมากมายในอนาคต นักเรียนก็จะทำไม่ได้ ดังนั้น จงจำเอาไว้ พวกเรามนุษย์ เรารู้สึกคัน เราห้ามใจตัวเองไม่ให้เกาได้ แต่สุนัขไม่สามารถหักห้ามใจตนเองได้ สุนัขจึงชอบเกา และส่วนเรื่องที่คุณครูต้องฝึกนักเรียนให้นั่งเรียบร้อย ก็เพื่อฝึกให้นักเรียนมีระเบียบวินัย ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆ ที่นักเรียนทุกคนสามารถฝึกฝนได้

           วันนี้ข้อคิด 80% อยากให้คุณครูได้ฟัง สิ่งที่เป็นนโยบายของโรงเรียน ให้ฝึกนักเรียนต่อไป อย่างที่ได้พูดตอนต้นว่ามีนักเรียนบางคนเกลียดครู ซึ่งถ้าวันหนึ่งนักเรียนทำดี ผลแห่งการทำดีก็จะส่งผลที่ดีให้แก่เขา คุณครูก็ต้องฝึกเขาต่อไปเพราะคือหน้าที่ของเรา ส่วนนักเรียนที่เรียนจบไปก็เหมือนกับ Another life Chapter ดังนั้นปิดเทอมควรใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อใช้พัฒนาตนเอง

           ในโอกาสนี้ Director ขอให้นักเรียนทุกคนได้พนมมือ เพื่อขอให้พระแม่มารี แม่ของพระเยซูเจ้า โปรดประทานแสงสว่างมายังลูกๆทุกคน ได้โปรดคุ้มครองนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา ให้มีความสุข ความเจริญ และเป็นคนดีของครอบครัว สังคมและประเทศชาติสืบต่อไป ขอให้แม่พระคุ้มครองด้วยเถิด สวัสดีทุกคนแต่เพียงเท่านี้



.